เบญจภาคีพระเครื่องไทย “พระซุ้มกอกำแพงเพชร” ไอดอล” สมเด็จวัดระฆัง”
มาทำความรู้จักพระซุ้มกอกำแพงเพชร ต้นแบบสมเด็จวัดระฆัง ตำนานเบญจภาคีพระเครื่องไทย
ถ้ากล่าวถึงในวงการพระเครื่องแล้วขึ้นชื่อว่าเป็น “เบญจภาคี” ใครได้ครอบครองอาราธานาขึ้นคอได้ นอกจากจะต้องเป็นผู้มากด้วยทรัพย์จากองค์พระที่ทรงมูลค่าแล้ว ยังจะต้องมีบุญบารมีในระดับสูงเลยทีเดียว
เพราะพระเครื่องในระดับเบญจภาคี แม้จะมีทรัพย์ศฤงคารมากมายมหาศาลแต่แม้นว่าไม่ได้บารมีวาสนา ก็ยากจะหามาครอบได้สมกับตัว
และหนึ่งในตำนาน “พระเบญจภาคี” ของไทย จะมีชื่อของ “พระซุ้มกอกำแพงเพชร” ที่หลายคนเสาะหามาครอบครอง ทั้งที่เป็น “พระนิยม” และ “พระไม่นิยม” รวมไปถึงความเป็นพระแท้พระสร้างล้อพิมพ์ ล่วงไปถึงพระปลอมที่มีออกมาให้เห็นกันเกลื่อนกราดในตลาดพระ ยากที่จะแยกได้ว่า องค์ไหน เป็นพระแบบใด
เอาว่าเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างมอง ต่างคนต่างตัดสินกันไปตามวิจารณญาณก็แล้วกัน!!

ซึ่งหากนับเอาความสบายใจของ “พุทธศิลป์” และ “พุทธคุณ” ใครจะเชื่อมั่นว่าของตนเป็นของแท้ของจริงนั่นไปห้ามกันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับใจรัก ส่วนจะมีมูลค่าราคาอย่างไรก็ไปว่ากันตรงความนิยม
สำหรับประวัติของพระซุ้มกอกำแพงเพชรนั้น จากข้อสันนิษฐาน ที่น่าเชื่อถือได้ว่า พระซุ้มกอกำแพงเพชรนั้น จัดสร้างโดยพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งยังดำรงพระยศผู้ครองเมืองชากังราว ในฐานะที่เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของอาณาจักรสุโขทัย ก่อนที่จะทรงได้รับสถาปนาเป็นกษัตริย์องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์สุโขทัย และปลุกเสกโดยพระฤๅษี ซึ่งประมาณการอายุการสร้างของพระซุ้มกอกำแพงเพชรจนถึงปัจจุบันจึงอยู่ในราวประมาณ 700-800 ปี
พระกำแพงซุ้มกอเป็นพระที่ขึ้น ณ ลานทุ่งเศรษฐี จ.กำแพงเพชร มีหลายกรุ ด้วยกันเช่นวัดบรมธาตุ วัดพิกุล วัดฤาษี ฯ ซึ่งพระซุ้มกอนี้ได้รับการนำมาเข้าชุดพระเบญจภาคีเพื่ออาราธนาขึ้นคอแทนพระกำแพงลีลาเม็ดขนุนเนื่องจากมีความสมดุล ในชุดมากกว่า เป็นพระที่มีอิทธิพลของลังกา องค์พระสง่างามหนาใหญ่แสดงให้เห็นในศิลปะสุโขทัยอย่างชัดเจน
พระกำแพงซุ้มกอแบ่งเป็นมีกนกและไม่มีกนกมีทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์ขนมเปี๊ยะ หลากหลายสีขึ้นอยู่กับการเผา เนื้อพระเป็นดินกำแพงเพชรมีว่านดอกมะขามปรากฏอยู่ ซุ้มเป็นตัว ก ไก่ ซึ่งเป็นที่มาของการเรียกชื่อพระ

ข้อสำคัญสำหรับพระซุ้มกอกำแพงเพชร เกี่ยวข้องกับ “พระสมเด็จวัดระฆัง” เบอร์หนึ่งตำนานแห่งพระเครื่องเบญจภาคีของไทย ก็คือ ในสมเด็จวัดระฆังมีส่วนประกอบของพระซุ้มกออยู่ด้วย ทั้งในส่วนของการเป็นไอดอลต้นแบบซุ้มล้อมรอบองค์พระที่เป็นเส้นโค้งสังเกตุได้ง่าย และองค์พระที่ชัดเจนว่า สมเด็จวัดระฆังมีความละม้ายคล้ายคลึงกับองค์พระในพระซุ้มกอ นอกจากนี้ในเนื้อหาของสมเด็จวัดระฆังยังพบชิ้นส่วนของพระซุ้มกอเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้นด้วย
นี่อาจเนื่องมาจากเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี คราวธุดงค์ไปในพื้นที่ต่างๆ แล้วเห็นเศษพระแตกหัก ยังมีความทรงคุณค่าทางด้านพุทธคุณจึงนำกลับมารวมเอาไว้ผสมเป็นมวลสารในสมเด็จวัดระฆังซึ่งที่บางองค์ แทบจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าแบบไม่ต้องอาศัยกล้อง

เหตุผลประการสำคัญที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จนำเอาพระซุ้มกอมาผสมนั้น มีเกร็ดกุศโลบายอันน่าพิเคราะห์ที่ต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาประการสำคัญคือ “เมื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตท่านใช้พระซุ้มกอเป็นหนึ่งในต้นแบบของสมเด็จวัดระฆังแล้ว ท่านอาจเห็นเป็นเรื่องการ ให้เกียรติองค์ครู หรือในอีกมุมหนึ่งคือท่านอาจสัมผัสได้ถึงพุทธคุณอันเข้มขลังของซุ้มกอจึงเลือกบรรจุเอาไปเป็นหนึ่งในมวลสารของสมเด็จวัดระฆังในเวลาต่อมา”
ในส่วนนี้พึงช่วยกันพิเคราะห์และพิจารณากันไปตามวิจารณญาณเถิด เพราะสุดจะคาดเดาถึงแนวคิดในเวลานั้นของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตได้ คงได้แต่เป็นการพิเคราะห์กันไปตามหลักความน่าจะเป็น!!!
แต่ถึงจะอย่างไรก็ตาม “พระสมเด็จซุ้มกอกำแพงเพชร” ก็เป็นหนึ่งในตำนานพระเครื่องเบญจภาคีของไทย ที่ควรนำเอามาเล่าถึงประวัติความเป็นมา บันทึกไว้ให้ลูกหลานไทยได้ทำความรู้จัก แม้องค์จริงองค์แท้องค์นิยมจะมีราคามูลค่าสูงลิบลิ่วเกินหลายคนจะเอื้อมแล้วก็ตาม ….
ทองธนบุรี