ข่าวสาร

“ภาษีสหรัฐฯ” ไทยเท่ากัมพูชา 19% ทรัมป์ลงนามแล้ว!! เอกชนมั่นใจตัวเลขนี้แข่งขันได้

ภาษีทรัมป์เซ็นแล้ว ไทยเท่ากัมพูชา ที่ 19 % ภาคเอกชนตอบรับในอัตรานี้สามารถแข่งขันได้ อวยทีมไทยแลนด์เจรจาประสบความสำเร็จ 

สถานการณ์การเจรจาด้านภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ และหลายๆ ประเทศ ในรอบสุดท้าย ตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของประเทศในกลุ่มอาเซียน และเป็นทีา่น่าจับตาหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้อัตราภาษีดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการยุติความขัดแย้งและเหตุปะทะตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยหลัง 1 ส.ค.2568 นี้อัตราภาษีใหม่จะมีผล สำหรับไทยและกัมพูชานั้น สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีเท่ากันที่ 19 %  จากเดิมที่เรียกเก็บกับไทย จากเดิม 36 %  ส่วนประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เป็นไปตามสัดส่วนดังนี้  อินโดนีเซีย 19 % ฟิลิปปินส์ 19 %มาเลเซีย 19 %สิงคโปร์ 10 % เมียนมา 40% ลาว 40% บรูไน 25% สิงคโปร์ 10% อินโดนีเซีย 19%

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ภาพจากhttp://c0.nrostatic.com)

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า แม้การขึ้นภาษีนำเข้าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน แต่การที่ไทยสามารถเจรจาลดอัตราจัดเก็บจาก 36% เหลือ 19% ได้สำเร็จ สะท้อนถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชนเสียงสะท้อนจากภาคเอกชนไทยที่ได้ส่งข้อมูลผลกระทบให้รัฐบาลได้รับทราบอย่างรอบด้าน และการทำงานเชิงรุกของทีมไทยแลนด์ในการเจรจาทางการค้า ส่งผลให้ไทยสามารถรักษาผลประโยชน์ทางการค้า ซึ่งนับเป็นข่าวดีท่ามกลางความท้าทาย และเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะได้ใช้ช่วงเวลานี้ในการปรับตัว ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ยั่งยืน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

“อัตราภาษีนี้ถือว่าเป็นระดับที่ยอมรับได้ ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบจนเกินไป โดยรวมสินค้าไทยยังแข่งขันได้ดี แต่สินค้ากลุ่มที่มี margin ต่ำไม่ถึง 10% จำเป็นต้องลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และร่วมเจรจากับคู่ค้า เพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระไปยังผู้บริโภค ซึ่งเรื่องนี้ผู้ประกอบการจะต้องทำการบ้านกันต่อ สำหรับสินค้ากลุ่มที่มี margin สูงอยู่แล้วอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก”

ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับประเทศไทย และขอชื่นชมทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และทีมงานจากกระทรวงพาณิชย์ที่ทำงานกันอย่างหนัก รวมถึงภาคเอกชนที่ได้ร่วมกันให้ข้อมูล จนทำให้การเจรจาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *